Google รีแบรนด์ Find My Device ใหม่เป็น Find Hub อย่างเป็นทางการ
หลังจากทยอยอัปเดตแบบเงียบ ๆ มาสักพัก ตอนนี้ Google ได้เปลี่ยนชื่อและภาพลักษณ์ของฟีเจอร์ Find My Device ไปเป็น Find Hub อย่างสมบูรณ์แล้ว และได้เริ่มเผยตัวในระบบ Android Settings เวอร์ชันล่าสุด พร้อมความสามารถใหม่ที่ไปไกลกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ตามหาอุปกรณ์ แต่รวมถึงการติดตามผู้คนด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับ Google Play services เวอร์ชัน 25.20.37 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่รีแบรนด์ทุกจุดใน Android Settings จากคำว่า “Find My Device” เป็น “Find Hub” (ศูนย์การค้นหา) โดยเฉพาะในเมนู Security & privacy > Device finders ที่ตอนนี้คุณจะพบคำสั่งใหม่ว่า “Allow device to be located” แทนที่ของเดิมที่เขียนว่า “Use Find My Device”
หรือเข้าไปในหน้าการตั้งค่า หัวข้อ “บริการของ Google” เข้าไปที่ “หาอุปกรณ์ของฉัน” ก็จะเห็นการทำงานของระบบใหม่ “Find Hub” หรือชื่อภาษาไทย “ศูนย์การค้นหาของ Google”
ภายในแอป Find Hub ตอนนี้ยังเพิ่มแท็บใหม่แยกเป็น Device และ People เพื่อให้การค้นหาอุปกรณ์หรือคนแยกกันชัดเจนยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพของแพลตฟอร์มการติดตามที่ก้าวล้ำมากกว่าแค่ตามหามือถือหาย
Google ยังวางเดิมพันครั้งใหญ่กับ UWB (Ultra-wideband) ซึ่งให้ความแม่นยำระดับทิศทางการเดินแบบ turn-by-turn ตรงจุดกว่าการใช้ Bluetooth แบบเดิมมาก เทียบเคียงได้กับสิ่งที่ Apple ทำกับ AirTags มาตั้งแต่ปี 2021 และที่ Samsung นำมาใช้ใน Galaxy SmartTag+
แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะ Google ยังมีแผนจะเพิ่มการเชื่อมต่อผ่าน สัญญาณดาวเทียม เพื่อให้การติดตามยังทำงานได้แม้อยู่ในพื้นที่ไร้สัญญาณมือถือ ซึ่งจะยกระดับ Find Hub ให้เป็นระบบค้นหาที่พร้อมใช้งานในสถานการณ์จริงมากยิ่งขึ้น
นอกจากใน Settings แล้ว Find Hub ยังไปโผล่ในเมนู Google services > Recommended อีกด้วย แสดงให้เห็นว่า Google จริงจังกับการรีแบรนด์และปรับโฉมใหม่นี้เป็นอย่างมาก
Find Hub จึงไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนชื่อ แต่คือการปูทางสู่แพลตฟอร์มการติดตามที่ครอบคลุมทั้งผู้คน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีเชื่อมต่อในอนาคต
สรุปสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจาก Find My Device → Find Hub
-
เปลี่ยนชื่อใหม่ทั่วทั้งระบบ
-
คำว่า Find My Device ถูกแทนที่ด้วย Find Hub ทั้งใน Android Settings และเมนู Google Services
-
ใน Settings > Security & privacy > Device finders เปลี่ยนชื่อ toggle จาก “Use Find My Device” เป็น “Allow device to be located”
-
-
รองรับการติดตาม “คน” ได้
-
จากเดิมที่ตามหาได้แค่อุปกรณ์ ตอนนี้เพิ่ม แท็บ People สำหรับติดตามเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว
-
-
UI และแอปใหม่ภายใต้ชื่อ Find Hub
-
มีหน้าแอปใหม่ให้เข้าใช้งานโดยตรง พร้อมแท็บแยก Device และ People อย่างชัดเจน
-
สามารถเข้าถึงได้จากใน Settings หรือเปิดผ่านเว็บก็ได้
-
-
เพิ่มการรองรับ UWB (Ultra-wideband)
-
ค้นหาอุปกรณ์ได้แม่นยำขึ้น พร้อม ทิศทางและระยะทางแบบเรียลไทม์
-
เทียบได้กับฟีเจอร์ใน AirTag ของ Apple และ SmartTag+ ของ Samsung
-
-
เตรียมเพิ่มฟีเจอร์การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม
-
ยังไม่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ แต่ Google มีแผนรองรับการ ติดตามแบบออฟไลน์เมื่อไม่มีสัญญาณมือถือ
-
-
รวมศูนย์การจัดการใน Google Services
-
มีการเพิ่ม Find Hub เข้าไปในเมนู Recommended ภายใต้ Google Settings เพื่อเข้าถึงง่ายขึ้น
-