Samsung จัดงาน Samsung VD Tech Seminar งานสัมมนาเทคโนโลยีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2568 ที่ประเทศไทย โดยภายในงานได้เปิดตัวไลน์อัป Samsung AI TV พร้อมเผยนวัตกรรม Vision AI ที่ถูกพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มประสบการณ์การใช้งานจอภาพและเสียงให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้ง OLED, QLED, จอเกมมิ่ง 3 มิติ ตลอดจนคอนเทนต์และบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงภายในบ้าน โดยงานจัดขึ้น ณ โรงแรม Marriott Bangkok Surawongse เมื่อเร็ว ๆ นี้
ในบทความนี้
Samsung OLED S95F พร้อมชิป AI ทรงพลัง และเทคโนโลยีภาพสุดล้ำ
เริ่มต้นที่สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซัมซุง Vision AI ด้วย Samsung OLED S95F ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ NQ4 AI Gen 3 ช่วยยกระดับคุณภาพของภาพที่เหนือกว่าเดิมถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นของปีก่อนหน้า จากการเพิ่ม AI Neural Network ถึง 6 เท่า (เพิ่มจาก 20 เป็น 128 Neural Network) ทำให้สามารถอัปสเกลภาพ 4K ได้คมชัดกว่าเดิม รวมถึงให้ความสว่างที่เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มเฟรมเรทขึ้นมาเป็น 165 Hz
นอกจากนี้ ยังมีกับเทคโนโลยี Glare Free 2.0 ช่วยให้ได้ภาพดำสนิทมากยิ่งขึ้น ลดการลอดของแสงระหว่างจุดที่มีความต่างของสี ช่วยให้ได้คอนทราสต์ที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเร่งจุดความสว่างของภาพที่มากกว่าเดิม ด้วย AI Gamma ที่นอกจากจะมีการตรวจสอบสภาพแสงขณะรับชม ยังประมวลผลไปถึงการรับรู้ภาพระดับเฟรมต่อเฟรมเพื่อปรับการแสดงผลในจุดที่มืดให้มีรายละเอียดมากขึ้น เช่นเดียวกับจุดที่สว่างที่สุด โดยเฉพาะในโหมด HDR ที่จะเห็นความแตกต่างเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
การมี Smart Vision AI ได้เข้ามาช่วยทั้งในเรื่องของการปรับคุณภาพของคอนเทนต์ให้มีความคมชัดมากขึ้น และยังช่วยให้การแสดงผลบนหน้าจอ OLED TV ได้สีสันที่สมจริง
ย้ำจุดเด่น ‘Quantum Dot แท้’ การันตีปลอดภัยไร้แคดเมียม
Samsung พัฒนาเทคโนโลยี Quantum Dot มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว โดยที่ปัจจุบันเริ่มมีการนำเทคโนโลยี ทีวี QLED ไปใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้นในอุตสาหกรรม เพียงแต่ซัมซุง ยึดมั่นในมาตรฐานของทีวี QLED ที่ได้รับการรับรอง ‘Real Quantum Dot Display’ จาก TÜV Rheinland สำหรับโครงสร้างจอแสดงผลแบบ Quantum Dot รวมถึงการวิเคราะห์สเปกตรัมแสงที่แสดงให้เห็นการแยกสีของ RGB อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปล่งแสง Blue LED ที่เป็นจุดเด่นของ Quantum Dot ทีวี QLED
ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Quantum Dot TV QLED ของซัมซุง ยังได้รับการรับรองว่าออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการที่ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot ที่ปราศจากแคดเมียม (Cd) 100% จากหน่วยงานรับรอง Société Générale de Surveillance (SGS) แห่งกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ปฏิวัติการเล่นเกม ด้วยจอเกมมิ่ง 3 มิติ และ OLED 540 Hz
เปิดประสบการณ์เกมมิ่ง 3 มิติ ด้วยจอมอนิเตอร์ Odyssey 3D G9 ขนาด 27 นิ้ว ที่ให้เอฟเฟกต์ 3D สมจริง โดยไม่ต้องใช้แว่นตา ด้วยการนำเทคโนโลยีตรวจกับการเคลื่อนไหวของดวงตา (Eye Tracking) มาใช้ในการจับตำแหน่ง ร่วมกับเทคโนโลยี View Mapping เพื่อปรับการแสดงผลของเม็ดพิกเซลที่ปรับเปลี่ยนภาพสอดคล้องกับมุมมองของผู้ใช้ ขณะเดียวกัน ยังรองรับการแปลงคอนเทนต์แบบ 2 มิติ อย่างวิดีโอใน YouTube ให้เป็นคอนเทนต์แบบ 3 มิติ เมื่อใช้งานร่วมกับกราฟิกการ์ดจาก NVIDIA ที่รองรับด้วย
นอกจากนี้ ยังนำเสนอ Odyssey OLED G6 จอเกมมิ่ง QD-OLED QHD ที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 500Hz เครื่องแรกของโลก มาพร้อมเทคโนโลยี Glare Free 2.0 ที่ผ่านการรับรองสี Pantone Validated และ VESA DisplayHDR True Black 500 มอบภาพที่ลื่นไหล คมชัด และสีสันสมจริง มาให้ใช้งานกันด้วย
Tizen OS พัฒนาให้เป็นศูนย์กลางคอนเทนต์
ซัมซุงให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องคือการนำเสนอเนื้อหาให้ผู้ชมเข้าถึงผ่านบริการอย่าง Samsung TV Plus ที่รวบรวมคอนเทนต์มาให้รับชมฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งในประเทศไทยมีให้บริการกว่า 60 ช่อง และมีผู้ใช้งานเป็นประจำกว่า 200,000 ราย โดยเฉพาะคอนเทนต์พิเศษและถ่ายทอดสดอีเวนต์ระดับโลก เช่น คอนเสิร์ต SMTOWN และทัวร์คอนเสิร์ต Jonas Brothers
จุดเด่นของ TV Plus ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Tizen ยังรองรับการทำงานร่วมกับ SmartThings Daily Routine ตั้งค่าให้เปิดช่องโปรดอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น การเปิดคอนเทนต์ของ SM Town มาปลุกให้ตื่นตอนเช้า รับวันใหม่ที่สดใส
อีกส่วนผู้ที่ใช้งานทีวี Samsung นิยมใช้งานคือ Art Store ที่รวบรวมภาพศิลปะกว่า 3,500 ชิ้น จากพิพิธภัณฑ์และศิลปินชั้นนำทั่วโลก รวมถึงพาร์ทเนอร์ใหม่อย่าง Disney ไปจนถึงแกลเลอรีของไทย ซึ่งมีผลงานของศิลปินไทยจัดแสดงสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ Art Basel นำเสนอคอลเลคชันพิเศษให้ผู้ใช้ The Frame และทีวีรุ่นที่รองรับได้เพลิดเพลิน
AI Home ดูแลความปลอดภัยภายในบ้าน
สำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในสมาร์ททีวีรุ่นของปีนี้ คือระบบ AI Home ที่นำความสามารถของเซ็นเซอร์บนทีวีมาใช้ในการตรวจจับสิ่งผิดปกติภายในบ้าน โดยเริ่มต้นที่ระบบอย่าง Pet Care เมื่อมีเสียงร้องของสัตว์เลี้ยงอย่างหมา หรือแมว ภายในบ้าน ตัวทีวีจะทำการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านอีโคซิสเต็มของ SmartThings หรือสามารถตั้งระบบออโตเมชั่นได้ว่าให้เปิดวิดีโอหรือเพลงที่ตั้งไว้
ส่วนในเรื่องของ Family Care จะใช้ให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีเสียงเด็กร้องไห้ ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับระบบ SmartThings อย่างอุปกรณ์ Home Monitoring Camera เพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ หรือจะสั่งให้ทีวีเปิดภาพเพื่อวิดีโอคอลคุยกับลูกก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย
ยกระดับชีวิตสมาร์ทโฮมด้วยทีวี
ความฉลาดของ Samsung Vision AI ในปีนี้ ยังต่อเนื่องมาถึงการเปลี่ยนโทรทัศน์ภายในบ้าน เพื่อให้กลายเป็น Daily Board หรือกระดานแสดงผลข้อมูลอัจฉริยะ ที่จะปรับเปลี่ยนตามผู้ใช้งานที่เดินเข้าใกล้ทีวี ด้วยการตรวจจับร่วมกับมือถือที่ใช้งาน หรือใช้คำสั่งเสียงอย่าง Hi Bixby เพื่อให้ทีวีรู้ว่าใครกำลังใช้งานอยู่
ยังมีความสามารถของ Samsung Food ที่ใช้ในการแนะนำมื้ออาหารส่วนบุคคล สามารถป้อนข้อมูลกำหนดวัตถุดิบที่ต้องการ หรือส่วนประกอบที่ต้องหลีกเลี่ยงได้ โดยโปรแกรมจะแนะนำเมนูอาหารที่เหมาะสมออกมาให้ คลอบคลุมอาหารหลากหลายสัญชาติ รวมถึงเมนูอาหารไทยด้วย และเมื่อได้เมนูที่ต้องการแล้วสามารถแชร์สูตรอาหารไปที่มือถือ หรือแท็บเล็ตเพื่อนำไปดูระหว่างทำอาหารได้ด้วย
ปิดท้ายที่ Samsung Daily+ แพลตฟอร์มที่รวบรวมแอปพลิเคชันไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ อย่างบริการ Personal Trainer จาก Technogym หรือบริการคาราโอเกะที่ร่วมกับ Stingray Karaoke โดยสามารถใช้สมาร์ทโฟนแทนไมโครโฟนในการร้องเพลงได้
